ชาวบ้านเกาะหลักร้อง ‘ผู้ว่าฯประจวบ’ ผวาขอทำเหมืองแร่ในเขตชุมชน
ชาวบ้านตำบลเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์ ร้องผู้ว่าประจวบฯ หลังบริษัททำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม ขอทำเหมืองแร่ในเขตพื้นที่ชุมชน ชาวบ้านเกรงได้รับความเดือดร้อนเหมือนปี37-39ที่ผ่านมา ด้านผู้ว่าฯสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันที
ชาวบ้านตำบลเกาะหลัก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวนเกือบ 700 คน ได้ร่วมลงรายชื่อเพื่อคัดค้านการยื่นขอประทานบัตรการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม โดยบริษัทที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตได้มีแนวโน้มสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนพื้นที่ หมู่ 6 และ หมู่7 บ้านหนองไม้แก่น เหมือนกับบริษัทที่เคยได้รับสัมปทานเมื่อปี 2537 ที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านมาหลายปี และได้ถูกประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนรวมตัวกันผลักดันจนบริษัทดังกล่าวเลิกกิจการไป จากนั้นสภาพแวดล้อมและธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว ได้กลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง จนกระทั่งปัจจุบันได้มีบริษัทใหม่ที่จะมาขอสัมปทานในพื้นที่ติดกับบริษัทเดิมที่ได้ย้ายออกไป โดยมีเนื้อที่ประมาณเกือบ 800ไร่ ซึ่งตามระเบียบของการขออาชญาบัตรสำรวจแร่นั้นจะต้องอยู่ในกฎระเบียบในการสำรวจ ห้ามมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทที่จะเข้ามาสำรวจนี้ไม่ได้ทำตามกฎระเบียบอย่างถูกต้อง โดยชาวบ้านได้รวมตัวกันทั้งสองหมู่บ้าน ได้แก่พื้นที่ หมู่ 6 และ หมู่7 บ้านหนองไม้แก่น จำนวน 300ครัวเรือน มีประชากรเกือบ 700คน โดยได้มอบหมายให้นายกิตติ นามบุญลือ เป็นตัวแทนของชาวบ้านในการคัดค้านและเรียกร้อง ซึ่งที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ตลอดจนร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ชาวบ้านตำบลเกาะหลัก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวนเกือบ 700 คน ได้ร่วมลงรายชื่อเพื่อคัดค้านการยื่นขอประทานบัตรการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม โดยบริษัทที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตได้มีแนวโน้มสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนพื้นที่ หมู่ 6 และ หมู่7 บ้านหนองไม้แก่น เหมือนกับบริษัทที่เคยได้รับสัมปทานเมื่อปี 2537 ที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านมาหลายปี และได้ถูกประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนรวมตัวกันผลักดันจนบริษัทดังกล่าวเลิกกิจการไป จากนั้นสภาพแวดล้อมและธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว ได้กลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง จนกระทั่งปัจจุบันได้มีบริษัทใหม่ที่จะมาขอสัมปทานในพื้นที่ติดกับบริษัทเดิมที่ได้ย้ายออกไป โดยมีเนื้อที่ประมาณเกือบ 800ไร่ ซึ่งตามระเบียบของการขออาชญาบัตรสำรวจแร่นั้นจะต้องอยู่ในกฎระเบียบในการสำรวจ ห้ามมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทที่จะเข้ามาสำรวจนี้ไม่ได้ทำตามกฎระเบียบอย่างถูกต้อง โดยชาวบ้านได้รวมตัวกันทั้งสองหมู่บ้าน ได้แก่พื้นที่ หมู่ 6 และ หมู่7 บ้านหนองไม้แก่น จำนวน 300ครัวเรือน มีประชากรเกือบ 700คน โดยได้มอบหมายให้นายกิตติ นามบุญลือ เป็นตัวแทนของชาวบ้านในการคัดค้านและเรียกร้อง ซึ่งที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ตลอดจนร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ล่าสุดนายเกรียงไกร เรืองทิพย์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหลัก ได้มีการเชิญกลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบมาประชุมและรับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้มอบหมายให้ตัวแทนของชาวบ้านหมู่ละ 5 คน เข้าร่วมประชุม โดยมีประธานสภา อบต.ฯ , ป่าไม้จังหวัดฯ, อุตสาหกรรมจังหวัดฯ ซึ่งในที่ประชุมนั้นไม่มี นายก อบต. และ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมาร่วมประชุมเลย ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่าเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นหน้าที่ของกำนัน และ ผู้ใหญ่บ้านโดยตรง แต่กลับไม่มาเข้าร่วมการประชุมของสภา อบต.ในครั้งนี้ และภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ได้เร่งรีบหลบสื่อมวลชนและประชาชนไปทางออกด้านหลังของที่ทำการ อบต.เกาะหลักแล้วขึ้นรถกลับอย่างรวดเร็ว
ทางผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายกิตติ ตัวแทนชาวบ้านถึงผลการประชุมได้ความว่าอย่างไร โดยนายกิตติ เผยว่า สภา อบต. ได้รับทราบถึงปัญหาทั้งหมดในการประชุมครั้งนี้ จึงได้มีคำสั่งให้ยุติการขออนุญาตอาชญาบัตรไว้ก่อน และให้ชาวบ้านหรือตัวแทนทำหนังสือร้องเรียนมายังประธานสภา อบต. เพื่อประธานสภา อบต.จะยื่นหนังสือต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามคำร้องเรียน ตามอำนาจหน้าที่ และจะเชิญประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาประชุมร่วมกันต่อไปอีกครั้งหนึ่ง
ต่อมาชาวบ้านได้พาผู้สื่อข่าว ดูพื้นที่ในจุดที่จะขอสัมปทาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวใกล้กับประปาหมู่บ้านเพียงไม่กี่ร้อยเมตร และใกล้กับบ้านเรือนของประชาชนอีกนับ10หลัง และยังพบว่ามีการนำหินมากองรวมกัน ต้นไม้มีการถูกตัด และยังมีการแอบเจาะน้ำบาดาล ซึ่งชาวบ้านได้แจ้งให้ป่าไม้ทราบแล้ว
ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับทราบเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่รับเรื่องร้องทุกข์และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว
ต่อมาชาวบ้านได้พาผู้สื่อข่าว ดูพื้นที่ในจุดที่จะขอสัมปทาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวใกล้กับประปาหมู่บ้านเพียงไม่กี่ร้อยเมตร และใกล้กับบ้านเรือนของประชาชนอีกนับ10หลัง และยังพบว่ามีการนำหินมากองรวมกัน ต้นไม้มีการถูกตัด และยังมีการแอบเจาะน้ำบาดาล ซึ่งชาวบ้านได้แจ้งให้ป่าไม้ทราบแล้ว
ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับทราบเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่รับเรื่องร้องทุกข์และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น