เช็คด่วน!! อาการคัน จุดซ่อนเร้น ภัยเงียบที่ผู้หญิงต้องไม่ชะล่าใจ #น้องไม่คันถ้าพี่แคร์
สูตินรีแพทย์ เผยอาการ “คัน” ที่จุดซ่อนเร้น ไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับผู้หญิง มักพบบ่อย เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือจากเชื้อรา แนะผู้หญิงไม่ควรละเลย
เพราะเริ่มต้นจุดเล็กๆ เพียงแค่เกิดอาการคัน ที่รอบๆ หรือภายใน ช่องคลอด อาจนำไปสู่ปัญหามากมาย
ทั้ง ตกขาว มีกลิ่น ระคายเคือง อักเสบ ไปจนถึงโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและใช้ยาที่มีคุณภาพเพื่อการรักษาตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
พญ.กรพินธุ์ รัตนสัจธรรม สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี เปิดเผยว่า อาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
เพราะผิวหนังส่วนนี้บอบบาง อ่อนโยน และแพ้ระคายเคืองได้ง่าย
จึงควรหมั่นสังเกตและดูแลสุขภาพของจุดซ่อนเร้นให้ดี
โดยสาเหตุการคันที่พบบ่อยที่สุดก็คือ “เชื้อรา”
ทำให้คันได้ทั้งด้านนอกและในช่องคลอด นอกจากนี้อาจเกิดจากความอับชื้นในการใช้ผ้าอนามัยเป็นเวลานาน
แพ้น้ำยาซักผ้า หรือแพ้น้ำยาล้างทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น นอกจากนั้น อาการคัน ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นรวมถึงโรคผิวหนังที่จุดซ่อนเร้น
หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็ง
“อาการคันจากเชื้อราบริเวณอวัยวะเพศหญิงไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะพบว่า ผู้หญิงจำนวนครึ่งหนึ่งเคยเป็น เชื้อราอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต
และมีถึง 10% ที่เป็นเชื้อราบ่อยมากกว่า 4 ครั้งต่อปี หากลุกลามจนมีการตกขาวไหลออกมามากขึ้น เป็นน้ำหรือเป็นก้อนขาวๆ
และมักมีอาการคันแสบ ระคาย เจ็บในช่องคลอดหรือปากช่องคลอดด้วย
แนะนำให้รีบมาตรวจภายในกับแพทย์ทันที” พญ.กรพินธุ์ กล่าว
ปัจจุบัน ผู้หญิงหลายคนยังมีความรู้ที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแล-เทคแคร์จุดซ่อนเร้น เช่น
เมื่อมีอาการคันยุบยิบหรือมีกลิ่นจะใช้น้ำสบู่สวนล้างเข้าไปในช่องคลอด การทาแป้ง หรือบางคนมีความเชื่อที่ผิดว่า
การทาสครับขัดผิวหรือ whitening จะทำให้ไม่หมองคล้ำ ซึ่ง พญ.กรพินธุ์ ระบุว่า วิธีการเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองมากขึ้น
ที่สำคัญเมื่อคันแล้ว ห้ามเกาบ่อยๆ
เพราะผิวหนังจะอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดมะเร็งได้ต่อไป ส่วนเรื่องกลิ่นที่หลายคนกังวลนั้น
ปกติบริเวณจุดซ่อนเร้นจะมีกลิ่นเปรี้ยวจางๆ
จากเชื้อแบคทีเรียป้องกันโรคซึ่งมีอยู่ปกติในช่องคลอด ดังนั้น
การใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอมทำความสะอาดต้องระมัดระวังเรื่องการแพ้เป็นพิเศษ
ใช้ได้เฉพาะภายนอกเท่านั้น ห้ามสวนล้างเข้าไปภายในช่องคลอด จะทำให้เสียภาวะสมดุล
เสี่ยงต่อการอักเสบและมีกลิ่นมากขึ้น
ที่สำคัญไม่ควรทาแป้งบริเวณนั้นเด็ดขาดเนื่องจากมีงานวิจัยว่าจะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งรังไข่ได้
พญ.กรพินธุ์ แนะนำว่า
สำหรับการดูแลสุขภาพบริเวณจุดซ่อนเร้นที่ถูกวิธีนั้น
อันดับแรกต้องลดความเสี่ยงก่อน เชื้อราจะเติบโตได้บ่อยถ้าจุดซ่อนเร้นมีภาวะอับชื้น
แฉะ อาทิการใส่แผ่นอนามัยทุกวัน หรือ ไม่ค่อยเปลี่ยนผ้าอนามัยในช่วงมีประจำเดือน
การออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมและปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำความสะอาด การใส่กางเกงฟิตเกินพอดี
ใส่สเตย์ ใส่กางเกงยีนส์รัดๆ หรือการกินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียบ่อยๆ
รวมถึงผู้ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยที่ควบคุมเบาหวานไม่ดี
ผู้ที่มีอาการผิดปกติ อย่างเช่นมีตกขาวมากขึ้น หรือคันแสบ เจ็บระคายเคือง
ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
สำหรับการใช้ยารักษาเชื้อราที่จุดซ่อนเร้น
ทั้งภายนอกและภายในช่องคลอด ปัจจุบันมีการใช้การรักษาในรูปแบบของยารับประทาน ยาทา
และยาสอด โดยตัวยาที่ใช้กันแพร่หลาย และมีผลศึกษาทางการแพทย์รับรอง เช่น
ตัวยาโคลไทรมาโซลที่มีทั้งแบบทาและแบบสอด
โดยแนะนำให้ใช้ยาทาภายนอกคู่กับยาสอด
ในกรณีที่มีการติดเชื้อราทั้งภายในและบริเวณรอบอวัยวะเพศ เพราะจะสามารถทำให้ลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำได้
ที่สำคัญการเลือกซื้อยาจากโซเชียลมีเดียควรตรวจสอบคุณสมบัติให้ชัดเจนด้วย
และในปัจจุบันยังไม่มีการวิจัยที่เชื่อถือได้ว่า น้ำยาล้างหรือครีมเซรั่มใดๆ สามารถฆ่าเชื้อราได้อย่างที่โฆษณากัน
ผู้มีอาการควรเลือกใช้ยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ
มีการรับรองจากอ.ย. และแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ แพทย์ หรือเภสัชกร
“สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลบริเวณช่องคลอดของผู้หญิง
คือใช้ยารักษาอย่างถูกต้อง เหมาะสม ที่สำคัญคือต้องลดความเสี่ยง ควรดูแลให้น้องสาวแห้ง
อย่าปล่อยให้แฉะและอับชื้น
สามารถล้างด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่แพ้ได้เฉพาะภายนอกเท่านั้น และเมื่อมีอาการผิดปกติ
เช่น ตกขาวหรือคันระคายมีกลิ่น ควรรีบมาตรวจรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อใช้ยาให้ถูกกับเชื้อจะได้ผลดี มีประสิทธิภาพ
ป้องกันโรคแทรกซ้อนหรือนำไปสู่การป่วยเป็นโรคที่ร้ายแรงในอนาคต” พญ.กรพินธุ์ กล่าวทิ้งท้าย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น